หลังประเทศไทยประกาศบังคับใช้ระเบียบควบคุมการปล่อยมลพิษไอเสียของยานยนต์ เพื่อช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเพื่อให้ก้าวข้ามผ่านข้อกำหนดกฏเกณฑ์ดังกล่าว และเป็นไปตาม
แน่นอนว่า ตลอดช่วงต้นปี 2024 ที่ผ่านมามีหลากหลายค่ายรถยนต์เริ่มขยับแนะนำรถในกลุ่มกระบะ รถยนต์เอนกประสงค์ บ้างใช้ขุมพลังใหม่ บ้างใช้การปรับจูนขุมพลังเดิม เพื่อให้ผ่านตามค่ามาตรฐานยูโร 5 โดย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 (MITSUBISHI PAJERO SPORT MY2024) คือ หนึ่งในรถยนต์เอนกประสงค์ PPV ที่ได้รับการแนะนำช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ด้วยขุมกำลังใหม่ “ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power)” เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.4 ลิตร
ตามที่พาดหัวไว้..เครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่ แล้วทำไมไม่ดันไปให้สุด ทำไมไม่ขยับไปเครื่อง ไฮเปอร์X2 204 แรงม้าเลย?!? ทำไมถึงเลือกขุมพลังใหม่ “ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power)” เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์แบบคอมมอนเรลเจเนอเรชันใหม่ ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 (Euro 5) ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่ พร้อมโหมดการขับขี่แบบออฟโรด 4 รูปแบบ Gravel, Mud/Snow, Sand, Rock
จากที่เคยได้พูดคุยกับทีม Product Mitsubishi การใช้เครื่อง Hyper Power 184 แรงม้า ที่ทำงานร่วมกับเกียร์ออโต้ 6 สปีดใหม่ นี้ก็ถือเป็นการใช้เครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของทางมิตซูบิชิแล้ว เครื่องตัวนี้ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี ให้อัตราเร่งดีขึ้น และประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น..
และถ้าหากปรับใช้เครื่องไฮเปอร์พาวเวอร์X2 204 แรงม้า ฝ่าย Product แจ้งว่าราคาอาจจะพุ่งทะยานไปไกลกว่าเดิม และอาจทำราคานี้ไม่ได้
แต่ถ้าหากดูกันที่น้ำหนักตัวรถเปล่า Curb weight ที่เบาลง 15 ก.ก. (จากเครื่องยนต์และชุดเกียร์ใหม่ ที่มีน้ำหนักเบาลง 15 ก.ก.) .. แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนอื่นๆ เพื่อเสริมสมรรถนะให้สอดคล้องกับเครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่ ตัวรถจึงยังคงมี Total Weight (น้ำหนักรวม) เท่าเดิม ภาพรวมตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจึงอาจจะสูสีเดิม ไม่แตกต่าง
บทสรุปหลังทดลองขับ
รุ่นที่ทีม ISPEED นำมาทดลองขับ คือ NEW MITSUBISHI PAJERO SPORT MY2024 รุ่น Elite Edition 4WD ค่าตัว 1,689,000 บาท
การปรับกระจังหน้าท่อนบน และช่องดักลมกันชนหน้าให้มีชิ้นงานที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มความดุดันดูลงตัวดี เมื่อได้พาร์ทชุดแต่งของดำอย่าง Elite Edition ยิ่งอัพดุอัพเข้มขึ้นไปอีกขั้น
ด้านข้างแต่งเข้มขึ้นด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ดีไซน์ใบพัดทำสีดำเต็มวง ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง 265/65R18 รวมถึงกรอบกระจกมองข้าง มือจับเปิดประตูล้วนตกแต่งเป็นของดำคลุมโทนเข้มรอบคัน ไม่เว้นหลังคาและราวหลังคาซึ่งก็ดำแบบหัวจรดท้าย
ส่วนด้านท้ายรถได้พาร์ทตกแต่งดำครบๆ ตั้งแต่สปอยเลอร์หลัง คิ้วตกแต่งประตูท้ายรถ ชายกันชนหลัง ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ เซ็นเซอร์รอบคัน กล้องรอบคัน ประตูท้ายไฟฟ้า ภาพรวมทรงเดิม แต่ที่คิดว่าน่าจะปรับเพิ่มเติมเข้าไปอีกนิด น่าจะเป็นล้ออะไหล่ท้ายรถ เพราะเปิดเช็คดูกี่ที ก็ไม่เคยมีให้เห็น
สำหรับภายในห้องโดยสาร การดีไซน์รอบนี้เน้นโทนเข้มดำตัดแดงเบอร์กันดี เบาะนั่งหนังสังเคราะห์แบบฮีทการ์ด หากจอดตากแดดนานๆ ตัวเบาะจะไม่อมความร้อนช่วยลดความร้อนได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนจอกลาง 8 นิ้ว แบบทัชสกรีนให้มาเท่าเดิม ปรับแค่อินโฟกราฟฟิคภายใน มาตรวัดคนขับมาแบบฟูลดิจิตอล โชว์ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ อ่านค่าง่าย ชัดเจนดี ส่งผลให้ตัวรถแลดูพรีเมี่ยมขึ้น ไฮเทคขึ้น ส่วนฟีเจอร์ฟังก์ชั่นโดยรวมไม่ต่างไปจากเดิม
แต่ที่อยากอวยยศให้รถเอนกประสงค์ PPV อย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Elite Edition เป็นรถดี น่าเลิฟน่ารักตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบครัวที่กำลังมีเทวดาตัวน้อยๆ วัยซนอยู่ที่บ้าน นั่นคือการให้จอบนเพดาน ขนาด 12.1 นิ้วมา พร้อมรีโมท หูฟังอินฟราเรด และเชื่อมต่อ HDMI และ USB ถูกใจบุตรหลานยิ่งนัก
กับระบบขับเคลื่อน ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งสามารถปรับเข้าสู่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H Full-time) ได้ทันที แม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว (Shift-on-the-Fly) ทั้งยังมีโหมด 4HLc (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง) และ 4LLc (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ) รวมถึงโหมดการขับขี่แบบออฟโรด 4 รูปแบบ ได้แก่Gravel สำหรับการขับขี่บนทางฝุ่น Mud/Snow สำหรับการขับขี่บนผิวทางที่ปกคลุมด้วยโคลนหรือหิมะ รวมถึงขณะที่ฝนตกซึ่งพื้นผิวถนนมีความลื่น Sand สำหรับการขับขี่บนพื้นผิวทราย และRock สำหรับขับขี่บนผิวทางที่ขรุขระหรือพื้นผิวหิน
รอบนี้ใช้โหมดขับ 4 Full-time ตลอดเวลา เรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ภาพรวมถือว่าไม่แตกต่างไปจากเดิม แต่ที่รู้สึกได้คือการปรับใช้เกียร์ใหม่ จาก 8 สปีด ลดเหลือ 6 สปีด มีความต่างอย่างเห็นได้ชัดเรื่องจังหวะจะโคน
แน่นอนว่าตัวรถมีโจทย์การพัฒนาตั้งเป็นธงไว้ คือ รถรุ่นนี้ต้องมีสมรรถนะที่เท่าเดิมหรือดีขึ้นเป็นอย่างน้อยที่สำคัญคือต้องผ่านมาตรฐานยูโร 5 โดยสมรรถนะการขับขี่ต้องดีไม่ต่างจากเดิม
การนำเทคโนโลยีเครื่อง 4N16 และเกียร์ที่จับคู่การทำงานกันได้ดีที่สุด ของ All New Triton มาใช้กับ New Pajero Sport .. จึงหวยออกมาในรูปเกียร์ใหม่ 6 สปีด ที่มีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิม และการที่เครื่องยนต์มึประสิทธิภาพการใข้เชื้อเพลิงที่ดีกว่าเดิม ก็ทำงานสอดประสานกับเกียร์ได้อย่างราบรื่น จึงให้สมรรถนะการขับขี่ โดยเฉพาะอัตราเร่งโดยรวม ถือว่าดี ดีไม่แตกไปต่างจากเดิม แต่ได้ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงดีขึ้น โดยสังเกตได้จากความเร็วระดับ 100 กม./ชม. ตัวรถใช้รอบต่ำที่เพียง 1700-1800 รตน. หากใช้ขับทางไกล เดินคันเร่งเนียน ตัวเลขความประหยัดที่ได้ จะสวยงามมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน โดยรอบนี้อัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้อยู่ที่ 10.93 กม./ลิตร (นอกเมือง)
เรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน Diamond Sense อย่างระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัติโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC) ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุหรือการปะทะ และลดความเหนื่อยล้าเมื่อขับขี่ทางไกล ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (Ultrasonic Misacceleration Mitigation System: UMS) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist: BSW with LCA) ระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ (Auto Headlight Leveling System: AHLS) และระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยางผิดปกติ (Tire Pressure Monitoring System: TPMS)
สำหรับเรื่อง Aftersales และ Maintenance บริการหลังการขายและค่าเลี้ยงดู ภาพรวม ปีที่1-5 รถปาเจโร สปอร์ต 2024 ที่มีมาตรฐานการปล่อยมลพิษระดับ Euro 5 จะมีค่าบำรุงรักษา เพิ่มขึ้นรวมประมาณ 2,000 บาท (เมื่อเทียบกับค่าบำรุงรักษาของรุ่นก่อนหน้านี้)
ค่าบำรุงรักษาที่ปรับเพิ่มขึ้น (ประมาณ 2,000 บาท ในระยะ 5 ปีแรก) สืบเนื่องมาจากการที่เครื่องยนต์จะเข้ามาตรฐาน Euro 5 ได้จะต้องใช้น้ำมันเครื่องเกรดที่สูงขึ้น เป็นเกรด DL-1 (ในทุกแบรนด์ที่เข้ามาตรฐาน Euro 5 ต้องใช้น้ำมันเครื่องเกรดดีขึ้นเป็นระดับนี้)
สำหรับคำถามเกี่ยวกับระบบ DPF (Diesel Particulate Filter) ซึ่งทำหน้าที่กรองเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้นั้น
ระบบ DPF ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส จะทำความสะอาดตัวเอง โดยอาศัยความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ กำจัดเขม่าที่สะสมอยู่ใน DPF ( ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย)
หากระบบ DPF มีสัญญาณเตือน… อาจเป็นไปได้ว่าผู้ใช้รถใช้ระยะทางน้อยเกินไป ระบบ DPF จึงไม่สามารถเผาไหม้เขม่าที่อยู่ในระบบ วิธีการแก้ไขก็คือ เพียงแค่เพิ่มระยะทางในการวิ่งอีกเล็กน้อยไฟสัญญาณเตือนนี้ก็จะดับไป
แต่ถ้าระบบผิดปกติ จะมีสัญญาณไฟ DPF และไฟเครื่องโชว์เตือนบนหน้าจอ สามารถนำรถเข้าไปรับการตรวจสอบที่ศูนย์บริการได้ โดยเครื่องยนต์ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 ไม่ใช่แค่ติด DPF แล้วทุกอย่างจะผ่านฉลุย
หากแต่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 (MITSUBISHI PAJERO SPORT MY2024) ได้รับการออกแบบเครื่องยนต์ใหม่, หัวฉีดใหม่แรงดันสูง, ห้องเผาไหม้ใหม่, กล่อง ECU ใหม่ และระบบควบคุมแรงดันน้ำมันเครื่องใหม่ควบคุมด้วยไฟฟ้า
การทำงานต่างๆออกแบบใหม่หมดเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเผาไหม้หมดจดที่สุดรวมถึงการติดตั้งระบบ dpf เพื่อเผาเขม่าไอเสียให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2024 มีจำหน่าย 4 รุ่นย่อย ดังนี้
- รุ่น Prime 2WD ราคา 1,389,000 บาท
- รุ่น Ultra 2WD ราคา 1,529,000 บาท
* หมายเหตุ สำหรับรุ่น Prime และ Ultra สีขาว White Diamond เพิ่ม 15,000 บาท
● รุ่น Elite Edition 2WD ราคา 1,579,000 บาท
● รุ่น Elite Edition 4WD ราคา 1,689,000 บาท
* หมายเหตุ สำหรับรุ่น Elite Edition ทั้ง 2WD และ 4WD สีแดง Medium Red/Black Roof เพิ่ม 5,000 บาท สีขาว White Diamond/Black Roof เพิ่ม 20,000 บาท