นับเป็นทริปการทดลองขับรถยนต์บนเส้นทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย โปรเจค
“The New MU-X Press Trip..หนาวนี้เที่ยวภาคเหนือ” กับ “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” ทั้งรุ่น 1.9 และ 3.0 Ddi รวม 5 เส้นทาง ที่เรียกว่าเป็นทริปใหญ่ อึด ถึก ทน และสนุกสนานที่สุด หลังจากเกิดวิกฤตไวรัสโควิดมาตลอดช่วง 2-3 ปีนี้ น้อยนักที่บริษัทรถยนต์จะจัดทริปการเดินทางไกล แต่ครั้งนี้อีซูซุเลือกชวนสื่อไปทดสอบสมรรถนะบนเส้นทางภาคเหนือ และทีม iSpeed ก็ได้มีโอกาสไปร่วมแจมในเส้นทาง จ.น่าน – จ.พิษณุโลก…บอกเลย!! งานนี้ขับรถไกลสุด อยู่กับรถนานสุด พร้อมกับทำกิจกรรมฟินๆ สุดสนุก ตลอดการเดินทางบนระยะทางรวมกว่า 325 กิโลเมตร ..หวดยาวๆ เช้ายันค่ำเป็นอย่างไร..ตามไปดู
ก่อนจะออกเดินทาง อยากให้ทำความรู้จักกับตัวรถอเนกประสงค์ระดับหรู อย่าง “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” be UNCHARTED…หมุดหมายใหม่ไม่สิ้นสุด” ที่มาพร้อมกับสีใหม่! น้ำเงิน กลาเซียร์ ไมก้า (Glacier Blue Mica) บอกเลยสีนี้ดูสวยลึก ดูดีจริง ขับไปจอดไหนก็มีแต่คนแอบถาม อีซูซุเปิดตัวรถใหม่หรอ?? สีใหม่สวยนะ ชื่อสีอะไร?? แต่ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเติมหลังคาดำเข้าไปอีกนิด ล้ออัลลอยด์รมดำอีกสักหน่อย..หล่อเริ่ด ครบๆ จบๆ กันไปเลย
นอกจากจะอัพหล่อด้วยโทนสีใหม่แล้ว เดอะนิว มิว-เอ็กซ์ ยังอัพความสะดวกสบายยิ่งกว่าด้วย ใหม่! ฝาท้าย Smart Tailgate แบบ Step Sensor ซึ่งตอนแรกๆ อาจจะใช้งานยากไปสักนิด แต่ถ้าได้ทำความเข้าใจ จับจังหวะการเตะเปิดฝาท้ายได้ บอกเลย..ใช้ง่ายใช้ดายกว่ารถ SUV หรูราคาเกิน 2 ล้านเสียอีก
ตามมากันที่กระจังหน้า แบบ Black Chrome พร้อมด้วยชุดแต่งรอบคัน เฉดสี Magnetite Gray ดูดุดันลงตัวดี ส่วนไฟท้ายเติมความใหม่อีกนิดด้วย LED สไตล์ Winglet Signature เล่นระดับแบบ 3 มิติ สปอร์ตดุขึ้นด้วยโทนสีเทาดำ นอกจากนี้ยังเสริมหล่อด้วยล้ออัลลอยด์ ใหม่ Dynamic Rotor Blade สี Magnetite Gray ปัดเงา ขนาด 20 นิ้วในรุ่น Ultimate ทั้ง 2 เครื่องยนต์ และล้ออัลลอยด์ ใหม่ Aeroscrew ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น 1.9 Ddi Active และสำหรับท่านที่สนใจ ตัวรถสีขาวมุก ก็ต้องยอมกัดฟันเพิ่มเงินอีก 12,000 บาท คุณก็ได้ เดอะนิว มิว-เอ็กซ์ คันหล่อ ๆ ล่ำ ๆ ขาวเนียน ๆ มาอยู่ในครอบครอง
นอกจากนี้ “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” be UNCHARTED…หมุดหมายใหม่ไม่สิ้นสุด” ยังมาพร้อมกับภายในโทนสี Macchiato Brown สีน้ำตาลเทาสลับสีน้ำตาลเข้ม ดูขรึมขึ้น อัพเวลหรูขึ้นอีกระดับด้วยการใช้วัสดุสีดำและเงาแบบ Piano Black และ Chrome ตัวเบาะที่นั่งดีไซน์มาเหมือนโซฟาหนานุ่ม โอบกระชับรับกับสรีระนั่งสบายดีนะ แถมยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน เรียกว่ารถจอดตากแดดรอสื่อลงจากเครื่องบินมา ตัวเบาะแค่อุ่น ๆ (จะบอกว่าไม่ร้อนเลย..ก็เกรงว่าจะดูปลอมจนเกินไป 555) แต่เปิดแอร์อัดประเดี๋ยวเดียวก็เย็นสบายทั่วทั้งคันแล้วนะ ตัวเบาะที่นั่งปรับอุณหภูมิเย็นลงได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องนั่งทนร้อนให้พองท่อนแขน
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ อีซูซุ ชวนคณะสื่อมวลชนสตาร์ทกันที่จังหวัดน่าน เส้นทางที่ 4 เริ่มต้นวันกันตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยการเสริมสิริมงคลที่ “วัดมิ่งเมือง” วัดสีขาวใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน วัดที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบของวัดร่องขุ่น จ.เชียงราย โดยลักษณะเด่น คือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ จะมีความสวยงามวิจิตรบรรจง เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง แสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่านอีกด้วย
สำหรับการบูชาสักการะเจ้าพ่อพระหลักเมืองน่าน ใช้เทียน 4 เล่ม, ดอกไม้ 1 ช่อ, ผ้าแพรตามสีประจำวันเกิดของท่าน 1 ผืน ส่วนทีม iSpeed ก็จัดผ้าแพรเขียวตามวันเกิดไป ส่วนท่านที่จำวันเกิดไม่ได้ ก็ให้เลือกใช้ผ้าแพรสีขาวแทน จากนั้นนำขึ้นถวายเริ่มด้วยการจุดเทียนทั้ง 4 เล่ม ถวายช่อดอกไม้ และปิดท้ายด้วยผูกผ้าแพรที่เสาหลักเมือง
จากวัดมิ่งเมืองคาราวาน เดอะนิว มิว-เอ็กซ์ ก็มุ่งหน้าไปชิลกันต่อที่ “ERABICA COFFEE NAN
(เอราบิก้า คอฟฟี่ น่าน)” คาเฟ่สไตล์โคโลเนียล ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจ ให้กลิ่นอายความคลาสสิก จุดเด่นของร้านจริงๆ อยู่ที่เมล็ดกาแฟ ซึ่งร้านใช้กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า แท้ 100% ที่ปลูกบนดอยสวนยาหลวง โดยเป็นแหล่งเพาะปลูกเดียวกันทั้งหมด ไม่มีเมล็ดกาแฟจากแหล่งอื่นมาผสมเลย สำหรับเมนูกาแฟนั้น พลาดไม่ได้กับ “Erabica Signature” เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ที่คิดค้นขึ้นโดยใช้มะไฟจีน ผลไม้ขึ้นชื่อของน่าน นํามามิกซ์แอนด์แมตช์กับกาแฟ พร้อมกับใส่ไนโตรเจนลงไป จนได้รสชาติกลมกล่อมเปรี้ยวอมหวานลงตัว กัดมะไฟจีนอบแห้งเสียบไม้แจมสักนิด ลิ้มรสความหวานนิดเปรี้ยวหน่อย บอกเลย..เมนูนี้เด็ดจริง!! ขอแนะนำให้รีบคว้าถุงมะไฟจีนอบแห้งกลับบ้านด่วนๆ เพราะไม่เช่นนั้นจะหมด..อดรับประทาน..แล้วจะเสียใจนะเจ้าคะ
เมื่อดื่มด่ำกับกาแฟรสชาติดียามเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าต่อไปยังร้านอาหาร “เฮือนเจ้านาง” ร้านอาหารริมแม่น้ำน่าน อาหารเหนือสูตรต้นตำหรับเจ้าเมืองน่านที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยเมนูที่ขนาดไม่ได้ก็คือชุดขันโตก ที่ประกอบไปด้วย ลาบหมูคั่ว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แคบหมู ผักรวม ไส้อั่ว รสชาติเข้มข้นและกลมกล่อม อีกทั้งยังมีวิวแม่น้ำน่านให้นั่งชมระหว่างรับประทานอาหารอีกด้วย
เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้วเสร็จก็ได้เวลาเดินทางต่อ แต่ก่อนจะออกเดินทาง เดอะนิว มิว-เอ็กซ์ มีฟีเจอร์คูล ๆ ให้เลือกเล่น นั่นคือ การเชื่อมต่อหน้าจอกับมือถือแบบไร้สายผ่าน Bluetooth ที่รองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto สั่งการได้ทันที แม้จะนั่งโดยสารตอนหลังสัญญาณบลูธูทก็ส่งถึง สามารถดูเส้นทางผ่าน google map และเปิด Playlist สุดโปรจากมือถือได้โดยตรง สร้างความสุขตลอดการเดินทางพร้อมมุ่งหน้าไปยัง “Café de PhraeRis เลอกองเก่า” จังหวัดแพร่ บนระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร ขับกันยาวๆ โดยเส้นทางนี้เป็นทางขึ้นเขาลาดชันคดโค้ง แต่หมุดหมายไหนก็มั่นใจขั้นสุดเพราะ “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” เอาอยู่
ด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE เหนือกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS แบบมีกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ซึ่งอีซูซุได้ออกแบบให้ทุกระบบความปลอดภัยทำงานผสานร่วมกันเป็นหนึ่ง พร้อมระบบป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ Active Safety และปกป้องขณะเกิดอุบัติเหตุ Passive Safety เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจยิ่งขึ้น ช่วยให้การเดินทางสนุกสนาน ขับขี่ตามกันในรูปแบบขบวนคาราวานได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
ที่สำคัญใน เดอะนิว มิว-เอ็กซ์ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรฝัน ACC พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) ช่วยควบคุมความเร็ว และรักษาระยะห่างได้แบบเนียนๆ เมื่อรถคันหน้าชะลอตัว ระบบเบรกก็ให้ความนุ่มนวล เบรกไม่หัวทิ่มหัวตำเหมือนรถยนต์บางค่าย ที่ชื่นชอบคือขับสนุกปลอดภัยได้จนถึงรถคันหน้าหยุดนิ่ง เหมาะมากๆ สำหรับการใช้งานทั้งในรูปแบบคนเมืองและเดินทางไกล
สำหรับการทดลองขับในครั้งนี้ ทีม iSpeed ได้ “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์ 3.0 Ddi รุ่น Ultimate 4WD สีขาวมุก” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นรุ่นท็อปสุดในขบวนและในทริปการทดสอบ โดยสิ่งหนึ่งที่อยากแนะนำให้ทางอีซูซุลองปรับให้เข้าที่เข้าทางดู นั่นคือ เรื่องของระบบพวงมาลัย ตัวพวงมาลัยเองยังมีอาการสะท้านอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว อีซูซุยังมีจุดอ่อนนี้เพียงอย่างเดียวที่ควรเร่งปรับปรุง ส่วนพลังกำลังในรุ่น 3.0 ถือว่าเหลือเฟือ การควบคุมแม่นยำดีขี้นกว่าก่อนเยอะมาก ๆ ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องการให้เสริมขึ้นมาอีกหน่อยซึ่งน่าจะทำให้ตัวรถดูครบครันยิ่งๆ ขึ้นไป ก็คือ กล้อง 360 องศา และไวร์เลสชาร์จเจอร์
นอกเหนือจากนี้แล้วเมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายของ “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์ 3.0 Ddi รุ่น Ultimate 4WD สีขาวมุก” ซึ่งอยู่ที่ราคา 1,651,000 บาท ได้ระบบความปลอดภัยครบครัน ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS แบบมีกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ขาดก็แค่กล้อง 360 องศา ไวร์เลสชาร์จเจอร์ แต่หน้าตายังหล่อล้ำไม่ตกยุคง่ายๆ ได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ..ซึ่งถ้าคิดขยับไปเล่นยี่ห้ออื่นคุณต้องเติมเงินขึ้นไปเฉียดๆ 3 แสนบาทแต่ได้ของ+ระบบใกล้เคียงกัน คุณยอมมั้ยที่จะจ่ายเพิ่ม?!?
และแล้วเราก็เดินทางถึงจุดหมาย “Café de PhraeRis เลอกองเก่า” จังหวัดแพร่ ทางร้านก็ได้เสิร์ฟเมนูที่ครีเอทขึ้นมาพิเศษชื่อว่า “MU-X” โคราโซ่ โดยจะมีรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว และความซ่าของโซดา ที่เหมาะกับความปราดเปรียวและความหรูหราของ The New MU-X สีน้ำเงินกลาเซียร์ ไมก้า ดื่มแล้วชื่นใจหายเหนื่อยสุดๆ นอกจากเมนูพิเศษนี้แล้วทางร้านยังมีอีกหนึ่งเมนูที่แนะนำคือ “เอสเย็น เลอแพร่รีส” ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ แพร่เอสเย็น Battle 2019 โดย ททท.สำนักงานแพร่ และ หอการค้าจังหวัดแพร่ การันตีความอร่อยอีกด้วย
หมุดหมายถัดไปของขบวน “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” ยังคงต้องเดินทางขับข้ามจังหวัดกันไปอีกกว่า 74 กิโลเมตรเพื่อแวะสักการะที่ “อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก” วีรบุรุษผู้กล้าที่ชาวจังหวัดอุตรดิตถ์และคนไทยให้ความเคารพนับถือ และขับกันต่อไปยัง “พิพิธภัณฑ์บ่อเหล็กน้ำพี้” แหล่งสินแร่เหล็กตามธรรมชาติโดยเป็นบ่อเหล็กกล้ามีอยู่ด้วยกันหลายบ่อ โดยมีความเชื่อว่าเหล็กจากแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้มีความแข็งแกร่ง ความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพ์ในตัว ทางคณะสื่อมวลชนเราก็ไม่รอช้าที่จะลองทำกิจกรรมตกแร่กัน โดยแร่ที่ตกได้นั้นสามารถนำกลับไปเพื่อความสิริมงคลได้ทันที ขณะที่ชุมชนระแวกใกล้เคียงก็มีของที่ระลึก เครื่องประดับ จากแร่เหล็กน้ำพี้รอให้ช้อปปิ้งมากมาย
และหมุดหมายต่อไปก็คือร้านอาหารเย็น ซึ่งยังต้องขับข้ามจังหวัดกันไปอีกครั้ง โดยมุ่งหน้าไปยังจังหวัดพิษณุโลก ระยะทางกว่า 98 กิโลเมตรกันเลยทีเดียว โดยระหว่างทางเราก็ได้ภาพการทดลองขับอีกหนึ่งมุมมองในขณะขับขี่ยามค่ำคืน กับการดูระยะไฟหน้าที่ชัดเจนในระดับ 70-80 เมตรของเดอะนิว มิว-เอ็กซ์ ภาพรวมถือว่าชัดเจนองศากว้างสว่างแต่ไม่แยงตารถชาวบ้าน แถมขับสนุกกับกิจกรรมการแข่งขันตอบปัญหาแก้ง่วง
ก่อนจะหมดวันคณะสื่อมวลชนก็ได้อิ่มอร่อยกันที่ร้านอาหารเย็น “Penang Steakhouse & Fusion Food” หรือ “สเต็กปีนัง” ร้านสเต็กและอาหารนานาชาติ ที่มีชื่อเสียงของพิษณุโลกมาอย่างยาวนาน มีให้เลือกทั้งอาหารไทย ยุโรป และฟิวชั่น กว่า 300 เมนู เมนูที่เราสั่งกันวันนี้มี สเต็กทีโบน ไส้กรอกเยอรมัน ข้าวผักคลุกกะเพราเนื้อสันนอก และอีกหลากหลายเมนู ปิดท้ายวัน และหมุดหมายสุดท้ายของวันนี้คือหมุดหมายแห่งการพักผ่อน “ภัทธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา (PATTARA RESORT & SPA)” รีสอร์ทแห่งแรกและแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลก สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด รีสอร์ทแนวธรรมชาติ ผสานด้วยความทันสมัย แต่ยังเน้นความเป็นธรรมชาติและเงียบสงบให้คณะสื่อมวลชนได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่
เริ่มต้นหมุดหมายของวันใหม่ด้วยการสักการะ ‘พระพุทธชินราช’ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก พร้อมเดินทางต่อไปยัง “ร้านอาหารต้นตาล” ตัวร้านเป็นอาคารเรือนกระจกขนาดใหญ่ แต่งสไตล์ไทยประยุกต์ นำเสนออาหารไทยแบบร่วมสมัย เมนูห้ามพลาดคือ ทอดซอสมะขามปูนิ่ม สามชั้นทอดผัดพริกเกลือ แกงส้มใต้ปลากระพง
หลังจากอิ่มท้องก็มุ่งหน้าไปกิจกรรมปิดท้ายกันที่ “หมู่บ้านเวตาล The Vetala Village” โดยทางร้านได้จัดกิจกรรม workshop สุดพิเศษเฉพาะ The New MU-X ด้วยวิวธรรมชาติสุดๆ กับกิจกรรม “กิน(แฟ)กับเวตาล” การทำกาแฟด้วยเครื่องสกัดกาแฟแบบไม่ใช้ไฟฟ้า เป็นการสกัดด้วยคันโยก (Flair Espresso Marker) เพิ่มอรรถรสในการเสพกาแฟ ที่สามารถต่อยอดไปสู่ความชอบของแต่ละคน และยังเพิ่มความสนุก ความน่าค้นหาด้วยในการสร้างสรรค์เมนูอีก 3 เมนูเพื่อให้แต่ละคนได้เลือกทดลองทำตามชอบ ประกอบไปด้วย ดื่มแบบ Americano, Dirty และกาแฟผสมน้ำมะนาวดองถั่วคั่วสุดครีเอทีฟ ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด รสชาติกาแฟนุ่มลึก มีเปรี้ยวเค็มของมะนาวดองมาตัดอย่างลงตัว พร้อมเคี้ยวถั่วลิสงคั่วไปด้วย ให้อารมณ์การดื่มกาแฟที่แปลกใหม่แบบไม่เคยได้ลิ้มรสที่ไหนมาก่อนเลย ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ดีๆ กับ “The New MU-X Press Trip” ได้อย่างสมบูรณ์