อีซูซุ ชวนพิสูจน์สมรรถนะ พาแอ่วเหนือเส้นทางเชียงราย – เชียงใหม่ สุดพีคไปกับ MU-X “THE NEXT PEAK” เคาะอัตราสิ้นเปลืองดีสุด 14 กม./ลิตร

นับเป็นการทดลองขับทางไกลครั้งแรกสำหรับทีม iSpeed กับ รถยนต์อเนกประสงค์ ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ “เดอะ เน็คซ์พีค”) ภายใต้นิยาม “จุดสูงสุดใหม่…กับชีวิตที่เหนือกว่า” โดยครั้งนี้อีซูซุได้เลือกใช้เส้นทางทดสอบเหนือสุดแดนสยาม หวดกันยาวๆ จากเชียงรายถึงเชียงใหม่ บนระยะทางรวมกว่า 250 กิโลเมตร พร้อมอวดโฉมโชว์ความสดใหม่ ดุดันขึ้นโดยรอบคัน! ขับสบายขึ้นด้วยพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่! ตบท้ายด้วยระบบความปลอดภัยจัดเต็ม กับระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS และกล้อง 360 องศา ที่เติมมุมมองใต้ท้องรถ ปรับจอกลางให้มีขนาดใหญ่ขึ้น คมชัดยิ่งขึ้น ส่งผลให้การขับขี่มั่นใจมากยิ่งขึ้นในทุกสภาพถนน

DAY 1 : ฝ่าฝนไปกับ ISUZU MU-X รุ่น 3.0 RS ขับเคลื่อน 2 ล้อ ค่าตัว 1,659,000 บาท

เปิดทริปกันที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมกับสายฝนโปรยปราย ทริปนี้ทีม iSpeed จับฉลากได้ ISUZU MU-X รุ่น 3.0 RS ขับเคลื่อน 2 ล้อ ค่าตัว 1,659,000 บาท ที่มาพร้อมชุดแต่ง RS Design รอบคัน อัพหล่อยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าใหม่ Black Diamond Grille พร้อมสัญลักษณ์ RS, กันชนหน้าใหม่! แบบ Fighter Jet ดูดุดันยิ่งขึ้น, ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ Dynamic Blade (เฉพาะไฟเบรกและไฟเลี้ยว! ท้ายรถ ขัดใจทุกทีที่วิ่งตามหลัง ไม่รู้ว่าจะดีไซน์เรียวเล็กไปไหน?)

ช่วงแรกที่ได้สัมผัส ISUZU MU-X รุ่น 3.0 RS ขับเคลื่อน 2 ล้อ ขณะใช้ความเร็วต่ำวิ่งในเมือง ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ตอบสนองดีกว่าเดิมเยอะ ไม่หนักมือ หักเลี้ยวได้คล่องตัวขึ้น กับตัวรถที่มีน้ำหนักมากถึง 2,090 กิโลกรัม ถือว่าเบาแรงขึ้นเยอะ และพอได้ลองใช้ความเร็วช่วงทางเขา ราวๆ 100-110 กม./ชม. ตัวรถยิ่งขับสนุกขึ้น จากการโยกตัวรถเข้าโค้ง การควบคุมรถให้อยู่ในเลน น้ำหนักพวงมาลัยจูนมาดี แปรผันตามความเร็วรถ อาการพวงมาลัยสะท้านสะเทือนหายไปเยอะ คุมรถได้สนุกขึ้นไม่ว่าจะทางเปียกหรือทางแห้ง

ในส่วนของระบบช่วงล่างหน้าอิสระปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง พร้อมโช้กอัพแก๊ส ส่วนด้านหลังแบบไฟว์-ลิงก์ เหล็กกันโคลง พร้อมโช้กอัพแก๊ส ยอมรับตามตรงว่าปรับมาดีขึ้นเล็กน้อย ยังออกแนวนุ่มๆ โยนๆ ช่วงทางโค้งบนเขาอยู่ อาจเป็นผลพวงมาจากการเซ็ตพวงมาลัยไฟฟ้ามา ทำให้การโยนตัวรถเข้าโค้งสนุกขึ้น แต่คนนั่งด้านหลังอาจไม่สนุกด้วย หากขับขี่ใช้งานในรูปแบบครอบครัว ขับเรื่อยๆ ไม่เล่นโค้งเยอะ ถือเป็นรถที่นั่งสบาย นุ่มนวล แม้บางจังหวะจะเจอสภาพผิวถนนย่ำแย่ ตัวรถ ISUZU MU-X รุ่น 3.0 RS ขับเคลื่อน 2 ล้อ ก็ยังพอเก็บอาการได้ดี มีอาการสะท้านสะเทือนจากช่วงล่างด้านหลังบ้างตามสไตล์รถ PPV

ทีม iSpeed คิดว่าระบบช่วงล่าง ในช่วงทางตรงอาการสะเทือนจากด้านหลังยังเก็บอาการได้ไม่นิ่งพอ เอาเป็นว่าถ้าเอา NEW ISUZU MU-X ไปต่อยอดเก็บช่วงล่าง เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนยางเพิ่มเติม..บอกเลยเด็ด

ภาพรวมเมื่อเทียบกับความสะดวกสบายของห้องโดยสารตอนหลังที่กว้างขวาง นั่งสบาย แอร์เย็นเฉียบ เบาะปรับเอนนอนได้แบบหลับยาวๆ ข้ามเมือง มีช่องเสียบชาร์จโทรศัพท์มือถือ USB-C โดยรอบคัน มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มีกรองฝุ่น PM 2.5 มีกล้อง 360 องศา มีระบบ ADAS มีถุงลมนิรภัย มีไซด์แอร์แบครอบคัน..มีเยอะเบอร์นี้ เมื่อเทียบกับห้องโดยสารตอนหลังที่มีอาการสะท้านสะเทือน เรื่องนี้ดูเล็กน้อยถือว่าสิวๆ ไปเลย

และที่รู้สึกประทับใจ มั่นใจมากยิ่งขึ้น ก็คือการปรับจอกลางให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แสดงภาพรอบคันชัดเจนขึ้น เพิ่มมุมมองใต้ท้องรถมา ระหว่างทางเจองานซ่อมผิวทางตลอด ประกอบกับบางช่วงมีทางขาด น้ำหลาก ดินสไลด์ ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้นไปอีก การได้มุมมองใต้ท้องรถมา ถือว่าใช้งานได้จริง มองภาพได้ชัดเจน เรียกดูได้ขณะใช้ความเร็วต่ำเพื่อเบี่ยงเลนหลบอุปสรรค

ขณะที่ระบบความปลอดภัยอย่างระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด! กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และ เซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน และระบบความปลอดภัย Active & Passive Safety ภาพรวมถือว่าใช้งานได้เสถียรในระดับหนึ่ง อาจมีบางจังหวะที่ฝนตกหนัก ดินโคลนเลอะกล้องหน้า และเรด้า การทำงานของระบบมีผิดพลาดบ้างเล็กน่อย อาทิ ตั้ง Adaptive Cruise Control (ถึงจุดหยุดนิ่ง) ไว้ ตัวรถวิ่งตามคันหน้าตามความเร็วที่เรากำหนด แต่การกะระยะห่างจากรถคันหน้าเพี้ยนไปเล็กน้อย เพราะเรด้าเลอะ ฝนตกหนัก ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมเพิ่มเติมด้วย

กับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วง 100 กม.แรกสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เท่าที่ลองสอบถามเพื่อนสื่อในทริป สามารถทำได้ที่ 14.2 กม./ลิตร (ตามหน้าจอคอนซัมชั่น) ส่วนรุ่นขับ 2 ที่ทีม iSpeed ขับ ทำได้ 14.0 กม./ลิตร กับรถที่มีน้ำหนัก 2 ตันเศษ ตัวขับ 4 หนักกว่าตัวขับ 2 เล็กน้อย วิ่งทางเขา ฝนตกหนัก ตัวเลขระดับนี้ถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว

● แวะอิ่มอร่อยที่ “ปางแฟน Rock & River”

แวะจุดหมายแรกที่ร้านอาหาร ปางแฟน Rock & River ร้านอาหารและคาเฟ่ริมลำธารใกล้ชิดธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายมากยิ่งขึ้น แต่ช่วงที่ไปมีน้ำหลากไหลแรง น้ำท่วมหลายพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ ทีมอีซูซุเองก็ไม่นิ่งนอนใจ มีการส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัยบ้างแล้วโดยดีลเลอร์อีซูซุในท้องที่นั้นๆ

● ที่พักบรรยากาศสุดพีค “โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่

หลังจากอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ทีม iSpeed มุ่งหน้าต่อไปยังที่พักสุดหรู ตามสไตล์ สุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” (มิว-เอ็กซ์ “เดอะ เน็คซ์ พีค”) กับโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ ตั้งอยู่อำเภอแม่ริม

เพื่อสัมผัสบรรยากาศและการบริการสุดพิเศษในแบบฉบับโฟร์ซีซั่นส์ตลอดการเข้าพัก บอกเลยโรงแรมนี้รายล้อมด้วยต้นไม้และนาข้าวขั้นบันไดเขียวขจีตัดกับวิวทิวเขาดอยสุเทพหนึ่งในไฮไลต์ของโรงแรม ด้วยคอนเซ็ปต์ของรีสอร์ทที่เน้นความเป็นธรรมชาติที่กลมกลืนกับวิถีชุมชนรอบ ๆ จึงมีกิจกรรมให้ผู้เข้าพักร่วมสัมผัสธรรมชาติและท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดในกิจกรรม Farmer’s Parade กิจกรรมสำรวจทุ่งนา และถ่ายภาพกับน้องควาย

และปิดท้ายวันด้วยอาหารฝรั่งเศสสไตล์อิตาเลี่ยนที่ร้านแทร์รา (Terra) ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ที่ชวนให้นึกถึงอิตาลี เมนูอาหารจานเด่นของร้านได้วัตถุดิบออแกนิคสดใหม่จากบนดอยมาปรุงสดใหม่วันต่อวัน ให้ทุกคนได้ลิ้มรสความอร่อย ก่อนเดินทางกลับโรงแรมเพื่อชาร์จพลังพร้อมลุยต่อไปในวันรุ่งขึ้น

DAY 2 : ฟินจิกกล้องกันที่ Firefly Factory

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าที่ โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ ละลานตาไปด้วยไลน์อาหารนานาชาติ ให้ได้อิ่มท้อง ก่อนเดินทางต่อไปยังร้าน Firefly Factory ร้านอาหารสไตล์ดิจิทัลอาร์ตแกลอรี่ที่แรก และที่เดียวในเชียงใหม่ ที่พาทุกคนดื่มด่ำกับภาพดิจิทัลในห้องนิทรรศการสุดอลังการ และอาหารมื้ออร่อย ห้องแสดงเป็นห้องอาหารอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ผนังทุกด้าน รอบทิศฉายโปรเจคเตอร์กราฟฟิคภาพเคลื่อนไหว คอลเลคชั่นใหม่ ทั้งดอกทานตะวัน กลีบดอกกุหลาบ ผีเสื้อ และน้ำตก เสมือนของจริงดูอลังการมีมิติ พร้อมเสียงดนตรีเบา ๆ เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินสุดประทับใจของเชียงใหม่ที่ไม่ควรพลาด

● ปิดท้ายด้วยกิจกรรม Tea Blending @บ้านข้างวัด

อีซูซุ พาเรียนรู้การเลือกชาและสมุนไพรมาผสมกันจนได้รสชาติที่ชื่นชอบตามสไลต์ของแต่ละคน ที่โครงการบ้านข้างวัด แหล่งขายสินค้าพื้นเมืองตามแนวคิดที่ต้องการสร้างชุมชนให้มีวิถีชีวิตคล้ายกับผู้คนในสมัยก่อน ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ซึ่งภายในโครงการจะมีบ้านกึ่งไม้กึ่งปูนเปลือย ตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้แบบโบราณ ซึ่งแต่ละหลังจะเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และมีลานกิจกรรมตรงกลางหมู่บ้านสำหรับจัดงานและทำกิจกรรมร่วมกัน

ก่อนจะจบการเดินทาง กับฝูง MU-X “The Next Peak” รุ่น RS ในครั้งนี้ นอกจากความประทับใจในเรื่องที่อีซูซุตั้งใจปรับปรุงเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานรถเอนกประสงค์เพื่อการเดินทางไปกับครอบครัวแล้ว อีกหนึ่งความประทับใจส่วนตัว คงจะเป็นเรื่องความอึด ถึกทนของตัวรถ และเครื่องยนต์ 3.0L Ddi Blue Power ปรับจูนใหม่รองรับมาตรฐาน Euro 5 มาเรียบร้อยแล้ว

ที่สำคัญเรื่องงานซ่อมบำรุง ค่าเลี้ยงดู ที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุ ไม่ว่าจะทุก 10,000 – 30,000 – 50,000 – 70,000 กม. บอกเลยใช้เงินในการตรวจเช็คตามระยะเพียงแค้หลักพันกว่าบาท หากตรวจเช็คใหญ่ ก็ใช้งบเบาๆ เพียง 3-4 พันบาท (สอบถามทีม Service มาให้เรียบร้อย)

เอาเป็นว่า..ลองไปสัมผัสความพีคของรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” ได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai นะขอรับ